пї เบาหวานขึ้นตา ป้องกันได้ | www.TangSeamJeng.com
ตะกร้า ( ชิ้น)
Total: 0

มีสินค้า ในตะกร้า

ตะกร้าว่างอยู่ค่ะ
ข่าวล่าสุด:
ทั่งเซียมเจ็ง1 สูตรคลินิกหมอณรงค์ พุ่มโพธิงาม -- "เครื่องดื่มสมุนไพร ทั่งเซียมเจ็ง1 สูตรเข้มข้น โดยคุณหมอณรงค์ พุ่มโพธิงาม ประกอบด้วย ..." -- 16 กรกฎาคม 2558
โปรโมชั่น ทั่งเซียมเจ็ง -- "โปรโมชั่น ซื้อทั่งเซียมเจ็ง เซียมย้งป้อ หรือ เซียมจูป้อ 4 ชิ้น ราคาพิเศษ 5,000 บาท รับฟรี..." -- 01 มิถุนายน 2559
โสมคนทั่งเฉ้า -- "ยาน้ำสมุนไพร "โสมคนทั่งเฉ้า" สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือ เป็นโรคเรื้อรัง ขนาด 350 ..." -- 20 กรกฎาคม 2558

ให้เรตสมาชิก: 5 / 5

ดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งาน
 
เบาหวานขึ้นตา ป้องกันได้

ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี หรือไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี มักจะมีภาวะแทรกซ้อนในอวัยวะต่างๆของร่างกาย ที่พบบ่อยได้แก่ ความผิดปกติที่ไต ตา เส้นประสาทชาปลายมือปลายเท้า อัมพฤกษ์หรืออัมพาต

ท่านคงเคยได้ยินคำว่า เบาหวานขึ้นตาหรือเบาหวานเข้าตา กันมาบ้างแล้ว เบาหวานมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตาได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยได้แก่ ความผิดปกติทางสายตา ต้อกระจก ต้อหิน และที่เป็นปัญหามากที่สุดในขณะนี้คือ เบาหวานที่จอตา เราจะมาทำความเข้าใจถึงโรคต่างๆทางตาในผู้ป่วยเบาหวานว่าเป็นอย่างไร


ความผิดปกติทางสายตาจากเบาหวาน ในคนที่เป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดมักไม่คงที่ตลอดเวลา การที่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ เนื่องจากเลนส์ตามีลักษณะคล้ายเลนส์นูน จะทำให้น้ำซึมผ่านเข้าหรือซึมออกนอกเลนส์ตา ถ้าน้ำซึมเข้าไปในเลนส์ตา ก็จะทำให้เลนส์ตาบวมขึ้น เปรียบเสมือนเลนส์นูนที่มีการรวมแสงมากขึ้น จะเกิดภาวะคล้ายกับคนสายตาสั้น หรือมองไกลไม่ชัด เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนไป ขนาดของเลนส์ตาก็เปลี่ยนไป ทำให้สายตาเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ บางวันเห็นชัด บางวันเห็นไม่ชัด ภาวะนี้ไม่ร้ายแรง สามารถแก้ไขได้ ให้ตาเห็นชัดขึ้นได้ด้วยการสวมแว่น

ต้อกระจกจากเบาหวานเหมือนหรือต่างจากต้อกระจกทั่วไป
ต้อกระจกคือการที่เลนส์ตาขุ่น ในสภาพปกติตอนที่ยังหนุ่มสาว เลนส์ตาจะใสแจ๋ว แสงก็สามารถผ่านเข้าไปถึงจอตาได้ง่าย เราจะเห็นภาพชัด แต่ในภาวะต้อกระจก เลนส์ตาจะเปลี่ยนจากใสกลายเป็นขุ่นคล้ายกระจกฝ้าหรือในรายที่เป็นมากๆอาจทึบจนแสงผ่านไปได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ต้อกระจกมีสาเหตุจากการเสื่อมตามอายุ โรคนี้จึงมักพบในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ต้อกระจกที่เกิดจากเบาหวานก็มีลักษณะเดียวกัน ต่างกันแต่ว่าคนที่เป็นเบาหวานจะเกิดต้อกระจกได้เร็วกว่า บางครั้งอายุ 30-40 ปีก็มีต้อกระจกเกิดขึ้นได้แล้ว ภาวะนี้ไม่ร้ายแรง เพราะหากต้อกระจกทึบมากแพทย์จะผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นออก แล้วใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไป ผลการผ่าตัดมักจะดี (หากจอตายังดี)

eye anatomy

เบาหวานที่จอตา
ต่อไปเราจะมาทำความรู้จักกับเบาหวานที่จอตา ซึ่งนับว่าเป็นปัญหามากที่สุด ที่ว่าเป็นปัญหามากที่สุดก็เพราะว่าพบบ่อย และถ้าเป็นมากอาจทำให้ตามัวจนถึงขั้นตาบอดได้ ถ้าตรวจพบโรคนี้ได้ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะสามารถลดอัตราตาบอดได้ ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้คำว่า เบาหวานที่จอตา หรือเบาหวานที่จอประสาทตา หรือบางคนเรียกสั้นๆเข้าไปอีกว่า เบาหวานเข้าตา เนื่องจากภาวะนี้เป็นปัญหามากที่สุด เพราะฉะนั้นเราจะให้ความสำคัญกับโรคนี้โดยอธิบายกันมากหน่อย เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้จึงเป็นเรื่องของเบาหวานที่จอตา

เบาหวานที่จอตาพบบ่อยแค่ไหน
คนที่เป็นเบาหวานนานๆมีโอกาสเป็นเบาหวานที่จอตาได้มากกว่าคนที่เพิ่งเป็นหรือเป็นเบาหวานไม่นาน พบว่าหากเป็นเบาหวานนาน 5 ปี โอกาสที่จะพบเบาหวานที่จอตา ประมาณ 20% หากเป็นเบาหวานนาน 15-20 ปี โอกาสเป็นเบาหวานที่จอตา ประมาณ 60% เบาหวานจะขึ้นตาได้ส่วนใหญ่ต้องเป็นเบาหวานมานานมากกว่า 5 ปี ปัจจุบันวิทยาการสมัยใหม่พัฒนาขึ้นมาก ยาที่ใช้รักษาก็มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมรวมทั้งผู้ป่วยเองก็เข้าใจและตั้งใจรักษากันมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เราจึงพบเบาหวานที่จอตามากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ปัจจัยอะไรที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานที่จอตา
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดคุมได้ไม่ดี กับระยะเวลาที่เป็นเบาหวานมานาน แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่อาจทำให้พบเบาหวานที่จอตาเร็วขึ้น หรือรุนแรงมากขึ้น ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะไตวายเรื้อรัง ภาวะไขมันในโลหิตสูง รวมทั้งภาวะตั้งครรภ์
 
เพิ่งเป็นเบาหวานมาแค่ 2 ปี ทำไมหมอว่ามีเบาหวานที่จอตาได้
ผู้ป่วยบางคนถามว่า หมอบอกว่าต้องเป็นเบาหวานอย่างน้อย 5 ปี จึงจะเป็นเบาหวานที่จอตา ตัวเขาเองเพิ่งเป็นเบาหวานได้แค่ 2 ปี ทำไมถึงมีเบาหวานเข้าตาได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้ป่วยเบาหวานหลายรายไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นเบาหวาน อาจจะเป็นเพราะอาการผิดปกติไม่มาก มีเพียงอาการหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย ก็คิดว่าเป็นปกติธรรมดา ไม่ต้องไปตรวจ จึงไม่ทราบว่าตนเองเป็นเบาหวานแล้ว ต่อเมื่อมีอาการผิดปกติมากขึ้น เช่น ตามัว หรือมีแผลที่รักษายาก จึงไปตรวจ พบว่าเป็นเบาหวาน เพราะฉะนั้นที่คุณเพิ่งทราบว่าเป็นเบาหวานนั้น แท้จริงอาจจะเป็นมานานแล้วก็ได้ ปัจจุบันแพทย์จึงแนะนำให้ตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือด ในคนที่อายุมากกว่า 40 ปี แม้จะไม่มีอาการใดๆแต่ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน อาจจะเริ่มเช็คเร็วกว่านั้น


เบาหวานขึ้นตาเบาหวานที่จอตาเป็นอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ามีเบาหวานที่จอตาหรือยัง
เบาหวานที่จอตาเกิด เนื่องจากมีความผิดปกติที่ เส้นเลือดฝอย ที่ไปเลี้ยงจอตา จอตา เป็นชั้นของเซลส์ประสาท ทำหน้าที่ รับภาพที่เห็นจากภายนอกไปสู่สมอง ในจอตามีเส้นเลือดฝอยเล็กๆจำนวนมาก เพื่อนำเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลส์ประสาทตา ในคนที่เป็นเบาหวานมานาน เส้นเลือดเล็กๆเหล่านี้จะผิดปกติ มีการตีบตันหรือผนังหลอดเลือดเสียไป ทำให้มีน้ำหรือไขมันหรือเลือดรั่วออก มานอกเส้นเลือด ทำให้เกิดจอตาบวม เมื่อจอตาบวมก็จะเห็นได้ไม่ชัด ในรายที่โรคลุกลามมากขึ้นจะมีเส้นเลือดผิดปกติและพังผืดในลูกตา เมื่อเส้นเลือดผิดปกติเหล่านี้แตกก็จะทำให้เลือดออกข้างในลูกตา หรือถ้าพังผืดดึงรั้งก็จะเกิดภาวะจอประสาทตาหลุดลอก

ถ้าคุณมีเบาหวานที่จอตาในระยะเริ่มต้น คุณอาจยังไม่มีอาการใดๆเลย หนทางเดียวที่จะรู้ว่ามีเบาหวานที่จอตาหรือยังก็คือต้องไปตรวจตา แต่ถ้าคุณรอให้มีอาการผิดปกติก่อนแล้วค่อยไปตรวจก็อาจสายไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นต้องตรวจตาอย่างน้อยทุก 1 ปี สำหรับคนที่ยังไม่มีเบาหวานที่จอตา (ถ้ามีเบาหวานที่จอตาแล้วก็ต้องตรวจถี่กว่านั้น) อย่าลืมว่าการตรวจพบโรคนี้ในระยะเริ่มแรก และได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยลดอัตราการตาบอดลงได้มาก

ถ้าเป็นเบาหวานที่จอตา จะต้องรักษาอย่างไร ผมไปตรวจตาหมอว่ามีเบาหวานที่จอตา แต่บอกว่ายังไม่ต้องทำอะไร ให้คุมแต่ระดับน้ำตาลในเลือด
คนที่เป็นเบาหวานในระยะแรกมักไม่มีอาการผิดปกติทางตา ตายังมองเห็นได้ชัดเจนเพียงแต่แพทย์ตรวจตาพบความผิดปกติในระยะนี้ยังไม่ต้องให้การรักษาใดๆทางตา นอกจากแนะนำให้คุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี เพราะถ้าคุมระดับน้ำตาลในเลือดดี เบาหวานที่จอตาก็จะลุกลามช้าและไม่รุนแรง จนกระทั่งถึงระยะที่แพทย์ตรวจพบว่ามีเส้นเลือดผิดปกติเกิดขึ้นในตา จึงจะพิจารณาว่าควรต้องรักษาด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อป้องกันเลือดออกในตา หรืออีกกรณีหนึ่งคือ เมื่อจอตาบวมจนทำให้เกิดอาการตามัว แพทย์ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยเลเซอร์

จะป้องกันภาวะเบาหวานที่จอตาได้อย่างไร
การป้องกันโรคนี้ก็โดยการคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี ซึ่งก็ได้แก่การควบคุมอาหารพวกแป้ง น้ำตาล การออกกำลังกายร่วมไปกับการคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ (ถ้ามี) เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคไต ที่สำคัญและขอเน้นมากๆคือการตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง ในช่วงที่ยังไม่มีเบาหวานที่จอตา แต่ถ้ามีเบาหวานที่จอตาแล้วจะต้องตรวจบ่อยกว่านั้น อาจจะทุก 1-6 เดือน และต้องตรวจไปตลอดชีวิต แม้จะเคยได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์หรือการผ่าตัดไปแล้ว ก็ยังต้องตรวจเป็นระยะกันไปตลอด เพราะเบาหวานที่จอตาอาจลุกลามขึ้นอีกได้

เมื่อไรจะเริ่มให้แพทย์ตรวจตา ถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 (ชนิดที่เป็นตั้งแต่เด็กและมักต้องใช้อินซูลิน) จะเริ่มตรวจตาหลังเป็นเบาหวานมานาน 5 ปี หรือเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น (13-14 ปี) แต่ถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (ซึ่งก็คือเบาหวานที่เริ่มเป็นตอนอายุมากแล้ว มักไม่ต้องใช้อินซูลิน) ควรตรวจตาตั้งแต่แรกที่ทราบว่าเป็นเบาหวาน เพราะคุณอาจเป็นเบาหวานมานานแล้วโดยไม่ทราบ

ผู้เขียนบทความ
ธนาวัชร์ ธนาชววัฒน์ โทร.094-1234-694 Line ID: TangSeamJeng
ปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, รับทุนการศึกษาจาก บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ศึกษาด้านโทรคมนาคมที่ Ericsson Training Center, Stockholm, Sweden. ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต Executive MBA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ผู้จัดการฝึกอบรม บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด(มหาชน), เคยทำงานที่ Fresenius Medical Care, Houston, Texas, USA. อดีตผู้บริหารคลินิกภูมิแพ้และเมดิคอลสปาย่านพระรามเก้า, อบรม-ดูงาน-สัมมนา-เดินทางติดต่อธุรกิจ กว่า 30 ประเทศ, รับทุนการศึกษาหลักสูตร Advanced Management Program for Healthcare Executive จาก โรงพยาบาลกรุงเทพ ในนาม บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) , อดีตผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา, ศึกษาการแพทย์แผนจีน สมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก (Alternative Health) มากว่า 10 ปี อยากรู้ประวัติมากกว่านี้ กรุณา คลิ๊กที่นี่

Template Settings
Select color sample for all parameters
Red Green Olive Sienna Teal Dark_blue
Background Color
Text Color
Select menu
Google Font
Body Font-size
Body Font-family
Direction
Scroll to top